วันอังคารที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ตอนที่๒ การทำหน้าที่สื่อ


ตีสองของสามวันผ่านไปสำหรับการส่งบ่าวเอ็มเข้าพื้นที่ ชายคนเดิมกับชุดตัดยางชุดเดิมก็เข้าไปกรีดยางอีกครั้ง
“สวัสดี พี่สื่อ ไม่เห็นหน้าสองสามวันเลยน่ะ” ต้นยางโสด ฉ๑ กล่าวทักทาย
“เรียกผมว่า สื่อ เฉยๆ หรือคุณสื่อ ก็ได้ครับ”
“ฮ้าวทำไม ทีกับบ่าวเอ็ม เห็นพี่สื่อ เฮ้ย คุณสื่อยังแทนตัวว่าพี่เลย”
“บ่าวเอ็ม ผมทำมากับมือ ซึ่งต้องดูแลเขา ไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย แต่กับคุณ ๆ ผมอาจจะเรียกพี่บ้าง ลุงบ้าง น้าบ้าง เพราะจริงๆแล้ว พวกคุณมีบุญคุณกับผม น้ำยางที่ออกมาผมเอาไปแลกกับเงินเพื่อเลี้ยงชีพ อันนั้นเหมือนคุณเป็นประชาชนดี ๆ นี่เองที่ต้องเสียภาษีให้กับรัฐเพื่อนำพาไปพัฒนาประเทศ”
“แหมถามนิดเดี่ยวตอบซะยาวเลยแต่ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี”
“คืออย่างนี้ครับ วันนี้ผมทำหน้าที่สื่อ สื่อที่ต้องนำความจริงไปแสดงต่อสาธารณะชน อันที่ว่าความสำนึกรู้บุญคุณต่อต้นยางทุกต้นนั้น เป็นความรู้สึกในใจ แต่ด้วยหน้าที่ของสื่อ จะต้องเป็นกลางตรงไปตรงมา หากวันหนึ่งที่บ่าวเอ็มทำงานไม่ดี ผมก็ต้องบอกว่าไม่ดี แต่ถ้าบ่าวเอ็มทำงานดี แต่คุณๆ ต้นยางไม่สนองตอบก็ต้องว่ากันไป  ทั้งนี้ต้นยางทั้งหมดอาจะมีดีหลายต้น และที่ไม่ดีคงจะมีเหมือนกัน  ดังนั้นหากผมทำตัวสนิทสนมกับคุณต้นยาง ในฐานะพี่ ๆ น้องๆ แล้ว เกรงว่าการทำหน้าที่ของสื่อจะไม่เป็นกลาง”
“ฮ่า ๆ ห้า” เรียกหัวเราะจากต้นยางโสด ช ๒ ดังขึ้น และพูดต่อว่า
“เหมื่อนกับที่มีเสียงจากโทรทัศน์ที่พูดได้ใช่หรือป่าว วันก่อนมีพวกมาเก็บขี้ยาง เวลาที่พวกมันมาก็ช่วงบ่ายกว่าๆ เก็บแล้ววางไว้ที่เดิมก็ไม่ว่า บางทีมันแกะไม่ออกเอาไปทั้งพกเลย เป็นเจ้าของก็ไม่ใช่สงสัยเป็นพวกขโมยแน่ บ้างทีก็เอาถังเก็บน้ำยางไปด้วย”
“ไม่ต้องสงสัยแล้วครับ มันเป็นขโมยจริงๆ แล้วที่ว่าโทรทัศน์พูดได้เป็นอย่างไรหรือครับ” สื่อถามออกไป
“ ก็เห็นตอนมันเปิดดูเป็นรูปภาพเคลื่อนไหวได้ แล้วบางทีก็มีเสียง กริ้งๆ แซกเข้ามา มันก็กดรับแล้วฮะโหลหวัดดีครับได้ด้วย”
“ฮึ ๆ มันเรียกว่าโทรศัพท์ครับ แต่สมัยนี้ โทรศัพท์ โทรทัศน์ วิทยุ กล้องถ่ายรูป มันก็อยู่ในเครื่องเดียวกันแล้วครับ”
“โอ่ ทันสมัยจริงๆ ทำไมไม่มีวิวัฒนาการมาให้พวกเราบ้างน่ะ บางทีจะไปคุยกับโสดข้างบนก็ต้องฝากข้อความไปกับนกบินหลาบาง นกเขาเล็กบาง แต่จะไม่ฝากไปกับมดแล้ว เพราะบางทีกว่ามดจะกลับมาเป็นปีเลย มีหลายปีที่ผ่านมา มดพึ่งพาอะไรไม่ได้เลย พอหญ้ารกเมื่อไร เห็นคนแบกถังเหลือง ๆ มา ตายกันเกลี้ยง พวกเราเองก็ปากเจ็บปากพองไปตามๆ กัน”
“มันเป็นอย่างไรหรือครับ” สื่อถามออกไป         
“ก็มันเล่นตายถึงรากถึงโค่น ต้นหญ้ามีรากมีโค่น พวกเราก็มีรากมีโค่นเหมือนกัน ที่เหลือคิดเอาเอง เดี๋ยวมันจะลามปามมากไป”
“เข้าใจแล้วครับ” สื่อตอบกลับไปอีกครั้ง
หลังจากนั้นสื่อก็ลงมีดกรีดยางทันที ณ  ต้นยางที่โสด ฉ ๑-๖ น้ำยางก็ออกเป็นปรกติดีแต่ ต้นที่ ๗และ๘ ไม่ค่อยออกเลย
“เดี๋ยวนี้ไม่รู้เป็นไรไม่ค่อยมีน้ำยางเลย วันก่อนฝนก็ตกลงมาให้แล้ว นึกว่าจะดี แต่ก็ป่าวเลย” ต้นยาง ฉ๗ พูดแบบเซ็งๆ”
“ใช่แล้ว ฉันก็เหมือนกัน” เสียงของต้นยาง ฉ๘ พูดออกมา
สื่อวันนี้ในฐานะผู้กรีดยางหันไปมองต้นยางทั้งสองต้น ใช้มือลูบต้นยางที่เป็นตะปุ่มตะป่ำ แล้วพูดไปว่า
“มีรอยบาดเยอะคงจะเกิดจากการตัดที่ไม่ดี”
สื่อมองดูอย่างพิจารณา เป็นสภาพต้นยางทั้งสองมีคราบดำติดเต็มไปหมด และที่รอยกรีดก็มีน้ำเหลืองๆ ซึมออกมากด้วย
“ไม่จริงหรอกครับ” เสียงของต้นยางโสด ฉ๙ พูดและกล่าวต่อไปว่า
“ดูฉันซิ สภาพก็ไม่ต่างไปจากสองต้นนั้น แต่น้ำยางฉันออกมากกว่า ทั้งที่สายพันธ์เดียวกัน ปลูกพร้อมกัน อยู่ใกล้กัน”
“แล้วพอจะบอกสาเหตุผมได้หรือป่าวครับ”
“คงไม่ได้หรอกครับ ที่ไม่ได้เพราะผมเองก็ไม่รู้ เวลาผู้มีความรู้มาดูอาการ หนึ่งคนก็บอกหนึ่งอย่างไม่รู้จะเชื่อใครดี พวกเราก็พูดได้ว่า เค้าเล่ามา เค้าบอกมา คุณสื่อครับหากคุณมีความตั้งใจจริง มีความเพียรแล้ว ผมว่าเทวดาฟ้าดิน ก็จะให้คำตอบได้ครับ แต่ขอร้องอย่างหนึ่งเถิดครับพวกสารเคมีต่างๆ เลิกเถอะครับ ไม่ว่าจะเรียกว่าอะไร ปุ๋ยบ้าง โฮโมนบ้าง สารกระตุ้นบาง มันดีแรก ๆ ครับ แต่มดแมลงตายหมด แล้วรากก็พวกเราที่อยู่ลึกลงไปจะเอารูอากาศหายใจ สุดท้ายที่จะต้องตายก็คือพระแม่ธรณี”
“ใครกันเสียงฉัน” เสียงจากพระแม่ธรณีทักขึ้น
“สวัสดีครับ แม่ธรณี ผมกับพี่ โสด ฉ ๙ กำลังคุยกันครับ”
“อ้อคุณสื่อเหรอ เป็นไงบ้างฝนตกก็ไม่ได้มากรีดยางซิน่ะ”
“ครับ ผมก็พึ่งรู้คราวนี้ล่ะครับว่าเมื่อก่อนคนกรีดยางต้องลำบากแค่ไหน เพราะกรีดทุกวันก็ไม่ได้ หนึ่งเดือนอย่างเก่งก็กรีดได้แค่ ยี่สิบวัน เหลือสิบวันไม่มีรายได้ และยิ่งเป็นหน้าฝนจะทำอย่างไรล่ะครับ”
พระแม่ธรณี “มันก็ต้องเป็นอย่างนั้น ๆ เพราะทำกันมาแบบนี้ ตลอดจะแก้อย่างไร ฝนตกก็ต้องหยุด”
“ผมกำลังคิดว่า กลางร่องยางที่มีพื้นที่อยู่จะหาอะไรมาปลูกแซมดี ไว้เก็บกินได้ เช่น พวกหัวมัน สัปรด มะม่วง กล้วย ฯลฯ”
“จ๊ะ ๆ เชิญเลยจะปลูกอะไรก็ช่าง ไม่ลองไปถามคนอื่นๆ ที่มีประสบการณ์ก่อนเหรอเขาจะว่าอย่างไร”
“ถามแล้วครับ เค้าบอกว่ารกบาง แย่งปุ๋ยต้นยางบาง บางทีถ้ามีกองทุนเข้ามาก็เป็นอีกเรื่องเลยครับ”
“ก็ใช่น่ะซิ แล้วทำไมเจ้ามีความคิดแปลกๆ ขึ้นมา”
“ไม่แปลกหรอกครับ ไปเห็นที่ต่างจังหวัดมาเค้าปลุกต้นยาง อยู่เป็นป่านานาพรรณก็เห็นน้ำยางออกดีเหมือนกันครับ ไม่เห็นต้องใส่ปุ๋ยเลย”
“ที่เจ้าเห็นนั้นเรียกว่ามีระบบนิเวศที่ดี เพราะมีพืชหลายชนิดหลายระดับ หลายสายพันธ์ เจ้าลองไปดูไร่พืชเชิงเดียว จะเห็นว่าอัตราการย่อยสลายใบไม้น้อยกว่า การปลูกพืชแบบผสมผสาน และส่วนใหญ่จะให้สารเคมี ที่ชื่อว่าปุ๋ยส่งเอาสารที่พืชนั้นๆ ต้องการเพื่อการเจริญเติบโต ไอ้สารอย่างเดียวไม่ว่า การที่จะทำให้สารเหล่านั้นอนู่ด้วยกัน ต้องเอาเศษหินหรือกากน้ำมันมาปั้นเป็นก้อนๆ แล้วพ่นสารรวมลงไปเรียกว่าการปั้นเม็ด สุดท้ายเมื่อพืชกินสารอาหารหมดก็จะเหลือเพียงเศษหินแข็ง ๆ ทำให้ดินตาย เพราะขาดอากกาศและน้ำที่จะซึมลงไปได้ ไม่ต้องไปนึกถึงมดแมลง หนำซ้ำยั้งฉีดยาฆ่าหญ้าอีก มันจะอะไรกันหนักกันหนา พูดแล้วเหนื่อยพอก่อนน่ะ เจ้าไปกรีดยางต่อเถิดแล้วค่อยคุยกันต่อ”
“ครับพระแม่ธรณี” สื่อตอบกลับไปแต่ในใจคิดหนักกว่าเดิม........

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น